สวัสดีค่ะ วันนี้อั้มมีผลิตภัณฑ์ มาส์กโคลนมาแนะนำอีกแล้วค่ะ ตัวนี้เป็นแบรนด์จากไต้หวันนะคะ ชื่อว่า Neogence ค่ะ นีโอเจน เป็นแบรนด์จากประเทศไต้หวัน มีแลปเป็นของตัวเองที่ไต้หวันเลยค่ะ ทางแบรนด์มีทีมงานพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์เอง จึงผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกมาจำหน่าย ซึ่งมีขายไปแล้วทั่วเอเซีย ในวัตสัน ร้าน SASA ที่ฮ่องกง สิงค์โปร ค่ะ ซึ่งที่ไต้หวันแบรนด์ Neogence ดังมาก ๆ นะคะ โดยเฉพาะตัว บีบีครีม และ ผลิตภัณฑ์กลุ่มรักษาสิว (ควบคุมความมัน) ซึ่งผลิตภัณฑ์มาส์กโคลนที่อั้มนำมารีวิวในวันนี้ ก็เป็นอีกตัวหนึ่งในชุดควบคุมความมันของ Neogence ค่ะ  ผลิตภัณฑ์ชื่อ Deep Pore Cleansing Mask ค่ะ เป็นมาส์กโคลนชาโคล ซึ่งมาช่วยเรื่องความมัน และสิวโดยเฉพาะเลยค่ะ พูดง่าย ๆ ผิวมันเป็นสิว ควรโดนค่ะ มาส์กตัวนี้จะช่วยเรื่องสิวอุดตัน และช่วยทำความสะอาดรูขุมขนด้วยนะคะ


คุณสมบัติจากแบรนด์ :: สิ่งอุดตันสะสมลึกในรูขุมขน จนเพิ่มเป็นขนาดใหญ่และดูหนาขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะผิวมัน นวัตกรรมใหม่ทำความสะอาดเชิงลึกอย่างถูกต้องด้วย Neogence Deep Pore Cleansing Mask โคลนพอกมาส์กหน้าที่มีประสิทธิภาพดูดซับความมัน ขจัดเซลล์ ผิวที่ตายแล้ว ทำความสะอาดรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก และลดสิ่งสกปรกในรูขุมขน โดยที่ไม่ทำลายผิวพร้อมให้ผิวรู้สึกสดชื่นและนุ่มขึ้น หลังใช้รูขุมขนสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมี

• Charcoal Powder ตรงเข้าสู่ผิวเพื่อขจัดความมัน และดูดสิ่งอุดตันภายในรูขุมขน 
• Natural Clay (Illite Clay) โคลนพอกหน้าอุดมไปด้วยจุลินทรีย์และแร่ธาตุทางทะเล ขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขน

 แพคเกจ :: มาในรูปแบบหลอดสีขาว ใช้งานด้วยการบีบที่หลอดเนื้อโคลนจะออกมา แล้วใช้นิ้วเกลี่ยทั่วใบหน้า

กลิ่น :: หอมอ่อน ๆ เวลามาส์กจะเย็นนิด ๆ

ความมั่นใจ ::

• SAFETY :: ผลิตภัณฑ์การันตีความปลอดภัย และ มาตรฐานตรวจสอบจากห้องแลปสากล
• MI/MCI FREE :: ปราศจากสาร  Methylisothiazolinone (MI) , Methylcholrolsoisothiazolinone (MCI)  ในผลิตภัณฑ์
• PARABEN FREE :: สินค้านีโอเจนซ์ปราศจากสารพาราเบน

ขณะใช้งาน ทาแรก ๆ โคลนจะเป็นสีดำ ทิ้งไว้สักครู่ โคลนจะเริ่มแห้งแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนสี เป็นสีเทา และเริ่มเห็นรอยจุด ๆ ตามรูขุมขน นั่นคือการทำงานของมาส์กนะคะ มาสก์เริ่มทำงานดูดความมันตามรูขุมขน โคลนพอกหน้า จะตรงเข้าสู่ผิวขจัดความมัน และดูดสิ่งอุดตันภายในรูขุมขน สังเกตุว่า ความมันที่โคลนดูดออกมา จะอยู่บริเวณที่ผิวเรามันค่ะ ของอั้มมันหนักทีโซน มันก็โผล่มาเป็นจุด  ๆ ตรงทีโซนเยอะมาก


หลังใช้ :: รู้สึกว่า ผิวดูสะอาดขึ้น หน้าดูเฟรชขึ้น หลังใช้มาสักระยะ สิวจะลดลงค่ะ เพราะโคลนช่วยดูดซับพวกสิ่งอุดตันตามรูขุมขน ทำให้สิวอุดตันลดลง พอสิวอุดตันไม่มี สิวอักเสบก็ลดลงด้วยค่ะ เนื้อครีมเกลี่ยง่ายนะคะ ไม่หนืดหรือเหนียวมากเกินไป ใช้นิ้วมือเกลี่ยได้เลยค่ะ เมื่อเราทำความสะอาดรูขุมขนแล้ว พวกสิ่งอุดตันก็จะออกไปด้วยค่ะ พวกเครื่องสำอางตกค้างอะไรพวกนี้ จะทำให้รูขุมขนตื้นขึ้น รูขุมขนไม่ใช่หลุมสิวนะคะ แต่ต้องใช้อย่างต่อเนื่องสักหน่อย การทำงานคือ ตัวโคลนจะเข้าไปดูดพวกน้ำมันออกด้วย ดังนั้นหลังใช้ควรทาครีมบำรุงผิวด้วยนะคะ มาส์กโคลนตัวนี้จะเหมาะกับคนผิวหน้ามัน ผิวเป็นสิว ผิวผสม ค่ะ




สถานที่จำหน่าย ::

สวัสดีค่ะ ลิปสติก เป็นของคู่กันของผู้หญิงทุกคนอยู่แล้วเนอะ หลายๆ คนก็มีมากกว่า 1 แท่งแน่นอน แล้วก็พกในกระเป๋าไปไหนมาไหนอยู่ตลอด ปกติหลาย ๆ คนก็ชอบทาลิปสติกแบบสีเดียวตลอด วันนี้อั้มเลยมาแนะนำเทคนิคการทาลิปสติกให้หลากหลายโดยการจับคู่สีมาเล่น ได้สีแปลก แล้วดูเก๋ขึ้นอีกด้วยค่ะ ลิปสติกที่อั้มนำมาใช้ในวันนี้เป็นของแบรนด์ Wet n Wild นะคะ แบรนด์นี้เข้าไทยแรก ๆ ขายดีจนของขาดตลาดเลย อั้มจำได้ตอนเข้าครั้งแรกแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว อั้มไป 7 วันเลยค่ะ ไม่ได้สีที่อยากได้สักที วันนี้อั้มมีครบทุกเฉดสีแล้ว แต่จะหยิบเฉพาะสีที่อั้มชอบใช้มาทาแบบ Ombre ให้ชมกันนะคะ แบรนด์นี้ถูกและดี ติดทนนาน หลายๆ  คนคงมีในกระเป๋าคนละแท่งสองแท่งแน่ ๆ เลยใช่ม่ะ

สีหลัก ๆ ที่อั้มหยิบมา ปาดสี ให้ได้ชมกันจะเป็นสีที่ค่อนข้างคล้าย ๆ กันนะคะ คือจะไม่โดดกันมาก จะเป็นสีที่อั้มชอบและใช้ประจำจริง ๆ ค่ะ

1. E901B  Think Pink
2. E907C  Mauve Outta Here
3. E903C  Just Peachy
4. E913C  Sand Storm
5. E917B  Cinnamon Spice
6. E902C  Bare It All
7. E900B  Pink Suga
8. E967  Dollhouse Pink
9. E918D  Cherry Bomb
10. E969  24 Carrot Gold
11. E906D  Wine Room

เริ่มกันสีที่ 1 อั้มเลือกใช้สี E901B + E907C ซึ่งจะเป็นสีที่เมื่อเอามาทาด้วยกันแล้วจะกลืนกัน ไม่ตัดกันจนเป็นเหมือนขอบปากค่ะ จะให้ลุคสาวหวาน ๆ แลดูสดใสร่าเริง อั้มเลือกใช้ Think Pink ทาด้านใน และ Mauva Outta Here ทาด้านนอก แล้วเม้มปากเบา ๆ พร้อมใช้แปรงค่อย ๆ เบลนสีให้กลืนกัน โดยสีทั้งหมดเราใช้แปรงทานะคะ ไม่ทาจากลิปสติกโดยตรง


สีที่ 2 :: เลือกใช้ E903C ทาด้านใน แล้วค่อยเบลนสีของด้านนอกด้วย E913C จะได้สีนู้ด อมชมพูสวยเก๋ มีมิติ โดยจะไม่เน้นสีชมพูมากนัก เพราะเราจะเน้นนู้ด ๆ ค่ะ สีนี้ไปได้ทุกงาน ดูสุภาพเรียบร้อย หวานซ่อนเก๋


สีที่ 3 :: อั้มใช้สี E917B เริ่มทาขอบปากก่อน แล้วใช้สี E902C ทาจากด้านใน แล้วเม้มปากเบา ๆ ให้สีกลืนกัน โดยลุกนี้อยากให้เห็นสีของการ Ombre "ออมเบร" ชัดเจนขึ้น จึงไม่เบลนสีให้กลืนกันจนเกินไป


สีที่ 4 :: สีนี้จะเริ่มเปรี้ยวขึ้นมาอีกหน่อย จะให้ลุกสาวสดใส ร่าเริง โดยทาของปากด้วยสี E969 ก่อนแล้วเบลนสีจากด้านในด้วย E900B ระหว่างเบลนก็เม้มปากด้วยเบา ๆ จะได้สีส้มอมชมพู สวยเก๋ไปอีก


สีที่ 5 :: สีนี้จะดูเก๋ ดูแรง ดูเปรี้ยว ๆ แก่น ๆ อั้มเลือกทาสี E967 ด้านในปาก แล้วทาสี E918D เขียนขอบปาก แล้วเบลนสีให้เข้ากันนิด ๆ พร้อมใช้คอนซีลเลอร์เก็บรอบ ๆ ขอบปากทำให้ปากสีเป๊ะยิ่งขึ้น สไตล์สาวฝรั่ง


สีที่ 6 :: เน้นสีแรงแจ่ม ๆ โดยเขียนขอบปากด้วย E918D แล้วใช้สี E969 ทาจากด้านใน หลังทาเสร็จลงลิปกลอสชนิดใส อีกทีเพื่อให้ริมฝีปากอวบอุ่ม แลดูสุขภาพดี


สีที่ 7 :: สีนี้อั้มทา E969 ก่อนแบบทาทั้งปากเลยนะคะ แล้วค่อยใช้ E918D เบลนสีออกมาจากด้านใน เพียงเล็กน้อย สีนี้จะดูเปรี้ยว เก๋ หากทาไปออกงานรับรองเกิดแน่ ๆ  ลุกนี้ใช้สีเดียวกับสีที่ 6 เพียงแต่สลับกันทา ด้านใน ด้านนอก ก็ได้ลุกเปลี่ยนไปเลยค่ะ


สีที่ 8 :: สีนี้แหละ ที่อั้มคิดว่า หลายๆ คนคงชอบ เพราะดูเบา แต่สวย อั้มทาสี E900B ทั่วริมฝีปาก แล้วใช้ E906D ทาจากด้านในโดยทาเพียงเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ เบลนสีให้กลืนกัน


สีที่ 9 :: แหวกแนวจากสไตล์ Ombre เลยนะคะ โดยริมฝีปากบนทา E967 และริมฝีปากล่างทา E969 แบบปากบนปากล่างคนละสีก็แจ่มไม่ใช่น้อย หากวันไหนอยากเก๋ ไม่จำเจ แบบดูมีสไตล์ของตัวเอง ลองแบบนี้ก็ดีไม่เบานะ





เป็นไงกันบ้างค่ะ หลังจากชมตัวอย่างคู่สีที่อั้มหยิบมาทาให้ชมกัน แต่ละสีนี่ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ทาเลยนะคะ จากตัวอย่างด้านบนคือการจับคู่สี สไตล์อั้มเท่านั้น การจับคู่สีมีหลากหลายวิธี แล้วแต่ความชอบส่วนตัวเลยค่ะ ใครชอบแบบไหน Mix and Match กันได้เลย ไหน ๆ เราก็มีลิปหลากหลายสีแล้ว เอามาทาหลาย ๆ แบบ ก็สามารถเปลี่ยนลุกในแต่ละวันได้ด้วยน่ะ วันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อน หากใครมีไอเดียเก๋ ๆ ทาส่งมาให้ดูกันบ้างนะคะ

สวัสดีค่ะ วันนี้อั้มมารีวิวผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ 1028 Visual Therapy ผลิตภัณฑ์เป็นแบรนด์จากประเทศไต้หวัน  ก่อตั้งเมื่อวันที่  28 เดือนตุลาคม จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ 1028 Visual Therapy ค่ะ ซึ่งตรงกับวัน และเดือนเกิด ของอั้มเลยค่ะ อั้มเกิด 28 ตุลาคม เช่นกัน พอรู้ที่มาของแบรนด์ก็เลยชอบเป็นพิเศษขึ้นไปอีก แบรนด์นี้มีเรื่องราวดี ๆ ที่มันตรงกับอั้มด้วย พอใช้แล้วมันก็ดีอีก เพราะอย่างนี้เลยต้องมีรีวิวสักหน่อย หลาย ๆ คนที่ติดตามกันอยู่อาจจะได้เห็นอั้มโพสรูป และใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้บ่อยหน่อยนะคะ มันเป็นความชอบส่วนตัวจริง ๆ ค่ะ เพราะที่ผลิตภัณฑ์เหมือนมีวันเดือนเกิดของเราติดอยู่ รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้หยิบมาใช้


ผลิตภัณฑ์ตัวที่หยิบมารีวิวในวันนี้คือ 1028 Visual Therapy Ultimate Oil-Control Powder ซึ่งเป็นแป้งฝุ่นอัดแข็งที่อั้มชอบใช้และพกไปไหนมาไหนด้วยตลอดในตอนนี้ค่ะ เพราะด้วยขนาดที่กะทัดรัด จึงสะดวกต่อการพกพาที่สุด


คุณสมบัติจากแบรนด์ :: นวัตกรรมแป้งฝุ่นเนื้อแมทท์อัดแข็งที่สุดแห่งประสิทธิภาพการควบคุมความมัน แม้ให้สัมผัสบางเบาแต่เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพเหนือชั้น ช่วยควบคุมและดูดซับความมันได้อย่างดีเยี่ยม ไม่แห้งแตกและไม่ทำร้ายผิวหน้าให้แห้งหยาบกร้านหรืออุดตันรูขุมขน มีประสิทธิภาพกันน้ำ พร้อมอ่อนโยนต่อผิวบอบบางด้วยสารสกัดจากคาโมมายล์ที่ช่วยลดการระคายเคืองและดอกแดนดิไลออนที่ช่วยถนอม รักษาผิวให้แข็งแรง อุดมไปด้วยแร่ธาตุอันเป็นส่วนผสมหลักสำคัญสู่คุณภาพเม็ดสีที่ติดทนนาน จึงให้เนื้อสีที่สม่ำเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลงหรือแลดูหมองคล้ำในระหว่างวัน ด้วยคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าและเปลี่ยนให้เป็นประกายแห่งความเปล่งปลั่ง แลดูชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ เผยลุคผิวสวยกระจ่างใส ปราศจากความมันได้อย่างมั่นใจ เพื่อความสวยสมบูรณ์แบบในสไตล์ของคุณ


แพคเกจ :: มีขนาดเล็กน่ารัก อั้มเลยลองเอานิ้วคืบให้ดูว่า มันเล็กจริง ๆ ค่ะ แพคเกจเน้นความน่ารักมุ้งมิ้ง เน้นสีชมพู กับสีม่วง รู้สึกเป็นสาวหวานขึ้นมาทันทีเลยค่ะ มีลายจุดขึ้นมาอีก ยิ่งทำให้เก๋ไปอีก ไม่เคยอายที่จะหยิบขึ้นมาทัชอัพระหว่างวัน


ที่ตัวแพคเกจ พอเปิดขึ้นมา เขาจะมีพลาสติกใส ๆ ขั้นระหว่างพัฟกับแป้งด้วยนะคะ โดยส่วนตัวแล้วอั้มชอบเก็บไว้ค่ะ ไว้รองตลอดเลย หรือบางคนจะทิ้งก็แล้วแต่ชอบเนอะ แป้งตลับเล็กแต่มีฟังก์ชั่นครบ มีกระจกให้ด้วย

ขนาด :: 4.6 กรัม


ด้านหลังแพคเกจ :: จะมีรายละเอียดข้อมูลเป็นภาษาที่เราไม่คุ้นเคย แต่ก็มีภาษาอังกฤษพอให้เราอ่านได้คือ วันผลิต วันหมดอายุ (EXP) ด้วยค่ะ และมีสัญลักษณ์สากลที่บอกอีกว่า หลังเปิดใช้ จะมีอายุ 12 เดือน หรือ 1 ปีนั่นเอง เห็นแพคเกจเล็กแบบนี้ แต่แข็งแรงนะคะ


พัฟ :: นุ่ม ๆ สามารถจิกเนื้อแป้งได้ดีค่ะ


ปาดสีให้ดูกันสักหน่อย แต่เนื่องจากเขาเป็นแป้งโปร่งแสงอ่ะนะ มันเลยไม่ค่อยเห็นสีเท่าไหร่ สีก็มองดูจากเนื้อตรงฟองน้ำภาพบน นะคะ


ทดสอบความมัน โดยการทดสอบตามคำเคลมของแบรนด์ ด้วยการแต่งหน้าปกติ แล้วก็รอดูว่า ผ่านไป 5 ชั่วโมงจะเป็นไง กลัวลืมเวลา ขอใช้มือถือจับเวลานะคะ เดี๋ยวเสียงเตือนดังขึ้น เราก็จะมาเช็คผิวหน้ากันดู

มองด้วยรูปถ่ายอาจยังไม่ชัดเจน เดี๋ยวต้องมาดูที่กระดาษซับมันว่าจะเป็นเช่นไร แต่ขอบอกว่า มันทำได้ดีมาก คือควบคุมความมันได้มากกว่า 4 ชั่วโมงสำหรับอั้มคือให้คะแนนเต็มแล้วนะ เพราะปกติแต่งหน้าแล้ว  3 ชั่วโมงก็เริ่มมันแล้วอ่ะ สังเกตุจากลิปสติกที่ริมฝีปากนะคะ จากสีส้มแป๋น ๆ เหลือแค่ขอบ ๆ ส้มเองค่ะ เพราะรับประทานหนักมาก  ลิปหลุดหมดเลย รองพื้นบริเวณจมูกเริ่มหลุดเช่นกัน เพราะวันนี้อั้มไม่ได้ทาพวกไพรเมอร์ แล้วก็ไม่ได้ใช้รองพื้นตัวแน่น ๆ ตัวปกติที่ใช้ค่ะ เพื่อจะได้ทดสอบการควบคุมความมันได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากอั้มเป็นคนมีเหงื่อเยอะ บริเวณจมูก และ บริเวณหนวดเหนือริมฝีปาก มักจะหลุดเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ

ผลการทดสอบกับ 1028 Visual Therapy Ultimate Oil-Control Powder

ผลการตรวจความมันด้วยกระดาษซับมัน :: ภาพแรกคือหลังแต่งหน้าเสร็จใหม่ ๆ ก็ทำการทดสอบเลยค่ะ จะเห็นว่าไม่ค่อยมีอะไรติดอยู่บนกระดาษซับมัน พอผ่านไป 5 ชั่วโมง อั้มก็ทำการเช็คด้วยการซับมันอีกรอบค่ะ โดยระหว่างวันไม่ได้เติมแป้ง ไม่ได้ใช้ทิชชู่ซับเหงื่อ ซับมันใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ จะเห็นได้ว่า กระดาษเช็คความมันพบเจออยู่บ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไร ส่วนใหญ่พบได้บริเวณทีโซน ขอบจมูก หน้าผากเล็กน้อยค่ะ ถ้าเกิดพบความมันในชีวิตปกติไม่ได้ทดสอบแบบนี้ อั้มก็จะทำการใช้ทิชชู่ซับมันก่อนแล้วก็ใช้แป้งเติมเอาค่ะ สังเกตุดี ๆ จะพบว่า ไม่มีคราบแป้งติดมากับกระดาษซับมันเลยค่ะ

ผลการทดสอบกับแบรนด์อื่น

ผลการตรวจความมันด้วยกระดาษซับมันกับแบรนด์อื่น :: ภาพแรกคือหลังแต่งหน้าเสร็จใหม่ ๆ ก็ทำการทดสอบเลยค่ะ จะเห็นว่าไม่ค่อยมีอะไรติดอยู่บนกระดาษซับมัน พอผ่านไป 4 ชั่วโมงคือแบบหน้าเริ่มมันมาก แบบไม่ไหวแล้ว ตรงทีโซนมันจริงจัง รอ 5 ชั่วโมงไม่ไหว เลยหยิบกระดาษมาซับมัน พบว่ามีคราบแป้ง คราบรองพื้น ติดมากับกระดาษซับมันด้วย แล้วน้ำมันก็ออกมาเห็นเหมือนภาพด้านบนเลยค่ะ ส่วนมากพบบริเวณช่วงทีโซนค่ะ



หาซื้อได้ที่ไหน ??

• Watsons สาขาสยามสแควร์ ซ. 3 (ข้างโรงหนังลิโด้)
• Watsons เซ็นทรัลพระราม 2
• Watsons เซ็นทรัลเวสเกตต์ 
• Watsons ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ชั้น G
•  www.lazada.co.th  
• www.moxy.co.th 

รีวิวนี้เป็นผลการทดสอบจากอั้ม ซึ่งสภาพผิวที่แตกต่างกัน สภาพร่างกาย การดำเนินชีวิต มีผลทำให้การใช้งานได้ผลลัพธ์ต่างกันได้นะคะ แม้แต่ Skincare ที่ใช้อยู่ก็เช่นกันค่ะ หากอยากรู้ว่าดีจริงหรือไม่ อยากให้ลองทดสอบด้วยตัวเองจะดีที่สุดนะคะ และสุดท้ายนี้ขอบคุณทางแบรดน์ 1028 Thailand ด้วยนะคะที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีดีมาให้อั้มได้ทดลอง