สวัสดีค่ะ อั้มมีเมคอัพเซ็ทใหม่จาก ลอรีอัล มาสวอทสีให้ชมกันค่ะ เป็นคอลเลคชั่นต้อนรับวันวาเลนไทน์นี้ เน้นโทนสีชมพู ซึ่งอั้มได้รับมาเล่นแล้วชอบมาก สีสวย ถูกอกถูกใจ เลยหยิบมาสวอทให้ชมกัน มาดูกันดีกว่ามีอะไรบ้าง

ลอรีอัล ปารีส ลูเซนท์ เมจิก คูชชั่น โกลว์ บลัช

มาดูที่ตัวแรก L'oreal Paris Lucent Magique Cushion Glow Blush ใน Collection Star la vie en rose by color riche ที่อั้มเห็นแล้วว่ามันเก๋กู้ด คือ Lucent Magique Cushion Blush บลัชออนสีชมพูหวาน ๆ มาในรูปแบบคูชชั่นนั่นเอง ตัวนี้มี 2 เฉดสี P2 Pink Fantasia คือสีที่อั้มได้มา และอีกสีเป็น C1 Sun Kissed Coral ครั้งแรกของบลัชออนในรูปแบบคุชชั่นจากลอรีอัล ปารีส เพื่อให้พวกแก้มสวยมีเลือดฝาด ดูกระจ่างใส ด้วยเทคโนโลยีพิเศษเอกสิทธิ์เฉพาะ Byron Liquid Light ที่มีคุณสมบัติช่วยกระจายแสงให้ผิวดูมีมิติ

L'Oreal Paris Lucent Magique Cushion Glow Blush

วิธีการใช้งาน :: อั้มใช้พัฟฟองน้ำแตะเนื้อคูชั่นบลัชออนลงไปปริมาณเล็กน้อย แล้วแต้มกด ๆ ลงบริเวณพวงแก้มที่ต้องการเนรมิตรสีสันให้ชมพูหวานแหว๋วค่ะ

ราคา :: 549 บาท


Collection Star LA VIE EN ROSE Lipstick ลิปสติกสีชมพูคอลเลคชั่นสตาร์ สุดโรแมนติกแห่งปี 2016 มีทั้งหมด 5 เฉดสีค่ะ


ปีนี้สี Rose Quartz ชมพูกลีบกุหลาบ กำลังมา ลิปสติกคอลเลคชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงฝรั่งเศสสุดคลาสสิก La Vie en Rose ซึ่งเป็นที่มาของคอลเลคชั่นเมคอัพที่จะทำให้สาว ๆ รู้สึกพรั่งพรูไปด้วยความรักและความสุขดุจดอกไม้กำลังผลิบาน

ลิปสติกมีต้นแบบจากแบรนด์แอมบาสเตอร์ของลอรีอัลปารีส 5 คน ที่จะมาเป็นตัวแทนของแต่ละเฉดสี 

• CP 21  Jusmine :: Naomi
• CP 24 Primrose :: Blake
• CP 27 Nymphea :: Eva
• CP 31 Daisy :: Chompoo
• CP 32 Rosemary :: Barbara

ทั้ง 5 สีจะเป็นสีที่ออกแนวชมพู ชมพูเข้ม ชมพูอ่อน ชมพูนม ประมาณนี้ค่ะ คัลเลอร์ ริช คอลเลคชั่น สตาร์ ลา วี ออง โรส เป็นลิปสติกเนื้อแมท ที่ไม่แมทจ๋า ไม่ทำให้ปากแห้งจนเกินไป เนื้อเนียนนุ่ม ไม่ทำให้เกิดขุยบนริมฝีปาก


พี่อั้มลองสวอทที่ปากทุกสีแล้วพบว่า รอดทุกสีค่ะ เป็นโทนชมพูที่ทาแล้วเกิด ทาแล้วไม่ตาย สีแจ่ม สวย หวานสุด ๆ ค่ะ


ลองซูมสวอทสีที่ปาดให้ดูใกล้ ๆ ปากอั้มแห้งแตกมากเลยนะคะ แต่ทาลิปแล้วก็ยังรอดอยู่

ราคา :: 399 บาท

ลอรีอัล ปารีส คัลเลอร์ ริช พาแล็ต นู้ด

LA PALETTE NUDE อายแชโดว์พาเลท สีออกแนวชมพูนู้ด ตัวนี้มี 2 พาเลทนะคะ เป็นตัว Beige กับ Rose ส่วนที่อั้มได้มาเป็นสี Rose ค่ะ สาว ๆ สามารถเลือกแต่งได้หลากหลายลุกเลยนะคะ เพราะมีทั้งหมด 10 เฉดสีใน 1 พาเลท และในพาเลทก็มีทั้งที่เป็นเนื้อชิมเมอร์และเนื้อแมท ทำให้เนรมิตรลุกได้หลากหลาย

L'oreal Paris Color Riche La Palette Nude

สังเกตุสีที่อั้มสวอททาลงแขนดูนะคะ สีค่อนข้างออกชัดเจนพอสมควร นี่ขนาดไม่ได้ลง ไพรเมอร์ก่อนนะคะ สีถือว่าโอเคมาก ๆ


และวันนี้ก็เอาขั้นตอนการแต่งตาหวาน ๆ ง่าย ๆ ด้วยพาเลทจาก Loreal Paris มาฝากด้วยค่ะ เป็นไงบ้างค่ะ ก็สวยไม่เบาเลยเนอะ  ใครกำลังมองหาพาเลทสีชมพูเก๋ ๆ อยากให้ลองตัวนี้ดูค่ะ

ราคา :: 649 บาท

#LaVieEnRose #PINKOBSESSION

สวัสดีค่ะ อั้ม เบลเลซซ่า จะพาทุกท่านไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน หัวหินเป็นทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางก็ง่าย สะดวก ของกินเยอะ โรงแรม ที่พัก เต็มไปหมด วันนี้อั้มมารีวิวโรงแรม ในเครือแสนสิริ ให้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับทุก ๆ ท่านที่มองหาโรงแรมที่พักสไตล์ครอบครัว เป็นส่วนตัว เดินทางง่าย ใกล้แหล่งท่องเที่ยว มาฝากกันนะคะ หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย ปกติแล้วอั้มชอบไปเที่ยวภูเขามาก ๆ แต่ก็เริ่มเบื่อ เพราะคนเยอะไปหมด นี่เลยเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวหัวหินดูบ้าง จากครั้งก่อนไปเขาใหญ่ อั้มเคยพักที่ Escape เขาใหญ่มา แล้วชอบเรื่องความเป็นส่วนตัว และ บรรยากาศของที่นั่นมารอบนี้ อั้มเลยเลือกพักที่ Escape Huahin ค่ะ เพราะทำเลค่อนข้างดี การคมนาคมสะดวก ออกไปหาของกินง่าย ใกล้แหล่งท่องเที่ยวหลาย ๆ ที่ด้วยค่ะ


Escpae หัวหิน ออกแบบภายใต้แนวคิด Vivid Fisherman Village ที่ผสานกลิ่นอายของหมู่บ้านชาวประมงในอดีต แล้วประยุกต์ผสมผสานมาเป็นโรงแรม เอสเคป หัวหิน


เมื่อเดินทางมาถึง ก็จอดรถบริเวณหน้าลอบบี้เลยค่ะ แล้วก็เดินมารอ "เช็คอิน" ซึ่งพนักงานที่นี่บริการค่อนข้างดีนะคะ  รู้สึกประทับใจตั้งแต่เขาใหญ่แล้ว มาตรฐานการบริการโอเคมาก ๆ


ระหว่างรอเช็คอิน พนักงานก็จะให้กรอกข้อมูลนิดหน่อย ระหว่างนั้นก็มีน้ำชา กับ ผ้าเย็น ๆ มาเสิร์ฟให้เราด้วย ซึ่งการเดินทางมาไกล ๆ บางทีก็ร้อนโน๊ะ ได้น้ำกับผ้าเย็น ๆ ก็รู้สึกชื่นใจ  ระหว่างรอพนักงานก็เดินมาสอบถาม และแจ้งว่า กลางคืนมีปาร์ตี้ บาบีคิว ด้วยลูกค้าสนใจไหมค่ะ อ้าวมีงี้ก็ดีโน๊ะ เราก็จะได้ไม่ต้องออกไปหาไรกินข้างนอก ก็เลยจัดการจองไป ตอนจองพนักงานก็จะถามแค่เบอร์ห้องนะคะ แล้วเดี๋ยวทุกสิ่งเคลียร์กันตอน เช็คเอาท์ ตอนเช้ามีตักบาตรที่ชายหาดด้วย สรุปแล้วมีอะไร ก็เอาหมดเลยแล้วกัน ไม่ได้มาบ่อย ๆ ใช่ว่าอยู่ กรุงเทพฯ​จะมีการได้ตักบาตรริมทะเล บรรยากาศแบบนี้ ไม่ได้หาง่าย ๆ รีบจองทันที

ค่าบาบีคิว บุฟเฟ่ห์ ไม่รวมค่าน้ำต่าง ๆ :: 2 คน 999 บาท
ค่าอาหาร ตักบาตรตอนเช้า :: ชุดล่ะ 120 บาท (อาหารมี 2 แบบ อาหารแห้ง กับ อาหารสด)


เมื่อคุยกับพนักงานเสร็จ พนักงานก็เอากุญแจมาให้ พร้อมพาเดินไปยังห้องพัก ของอั้มได้ชั้น 2 ห้องพักแบบ Sun (พระอาทิตย์) เน้นโทนสีแดง ห้องพักถูกแบ่งเป็น 3 ประเภทนะคะ แยกตามตึก ซึ่งแต่ละแบบ ก็จะมีกลิ่นที่แตกต่างกัน

ห้องพักแบบ SAND (สัมผัสแห่งผืนทราย)

ห้องพักแบบ SEA (กลิ่นอายแห่งท้องทะเล)

ห้องพักแบบ SUN (กรุ่นไอแสงแดด)

ตอนจองตอนแรกไม่รู้น่ะว่าเขามีห้องพักแบ่งเป็น 3 แบบ มารู้ตอนได้เข้ามาที่ห้องแล้วเปิดสมุดรายละเอียดโรงแรม ก็เลยรู้ว่าเขาแบ่งแต่ละตึกเป็น 3 ตีม ( SANS , SEA , SUN ) ซึ่งแต่ละห้องพักจะมีกลิ่นและดีไซน์ โทนสี ที่แตกต่างกันออกไปเสียงเพลงของแต่ละห้องก็แตกต่างกันอีกด้วย


ก่อนเดินไปห้องพัก เราก็จะเดินผ่านสระว่ายน้ำของโรงแรม ซึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว และคนไม่เยอะมาก ทำให้สามารถเล่นได้อย่างสนุกสนาน มีทั้งช่วงลึก ช่วงตื้น มีห่วงยางสวย ๆ รูปปลาฉลาม มังกร ต่างๆ ให้เราใช้ด้วย แบบใครว่ายน้ำไม่เป็น ก็เอามาใช้ได้น่ะ ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ "ฟรี"


โต๊ะนี้ทำเลดีจัง คืนนี้ ดินเนอร์กันโต๊ะนี้แหละโน๊ะ





บริเวณสระว่ายน้ำ จะมีต้นไม้ปลูกอยู่ให้ร่มเงา ตอนเราเล่นน้ำก็อาศัยร่มจากต้นไม้ได้ ทำให้ไม่ต้องทนร้อนแดด ซึ่งบางโรงแรมไม่มีน่ะ แต่ถ้า ชาวต่างชาติ ชอบอาบแดด เราก็ไม่ว่ากัน แต่เราจองใต้ต้นนี้


มากันเป็นครอบครับ ก็เล่นกันได้ทั้งครอบครัว ดูอบอุ่น สนุกสนาน ดีจัง เห็นแล้วอยากพาหลาน ๆ มาเที่ยว แต่ถ้ามีลูก ก็จะพามาเล่นน้ำกันให้ฉ่ำเลย



บนห้องพัก ก็จะมีระเบียงยื่นออกมา วิวจะเป็นสระว่ายน้ำ โรงแรมจะมีทั้งหมด 2 ชั้น ทุกชั้นจะวิวสระว่ายน้ำหมดนะคะ



ในส่วนของห้องนอน อั้มได้แบบ "ซัน" ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา จะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งอั้มไปค้นหาข้อมูลมา สืบมาได้ว่า เป็นกลิ่นของดอกมะลิ , เปปเปอร์มิ้นต์ ,  และกลิ่นหอมหวานของซีตรัส รวมกันเป็นกลิ่นพิเศษของห้อง Sun ที่ทางเอสเคปผสมขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพิเศษ


ห้องพักมีทีวี จอ LCD 32 นิ้ว , โทรศัพท์ , ตู้เย็น , กาน้ำร้อนไฟฟ้า ใช้ชงชา กาแฟ , เครื่องเล่น DVD , น้ำเปล่า 2 ขวด , คู่มือรายละเอียดของโรงแรม


ถาดไม้นี่ มีเหมือนที่เขาใหญ่เลยค่ะ เวลาอั้มไปพักโรงแรมต่างๆ  เมื่อถึงห้องพักชอบหยิบพวกรายละเอียดข้อมูลของโรงแรมมาอ่านก่อนเป็นอันดับแรกเลย เพื่อจะได้รู้ข้อมูลหลาย ๆ อย่างที่บางทีเราอาจพลาดไป


ในส่วนของตรงเคาเตอร์นี้ ก็จะมี เนสกาแฟ 2 ห่อ และขนมต่างๆ มาม่า , น้ำแร่  ทุกอย่างตรงนี้เสียตังค์นะคะ ยกเว้น "กาแฟ"



ของฟรีเราชอบค่ะ กินสิค่ะ รออะไร เครื่องชงน้ำร้อน แป๊ปเดียวร้อนเลย ไม่ต้องรอนาน



ในตู้เย็นก็มีเบียร์สิงห์ และ น้ำดื่ม ให้ 2 ขวด น้ำดื่มฟรี เบอร์เสียตังค์นะคะ


ความเก๋ของที่พักเอสเคป ทั้งหิวหิน และ เขาใหญ่ จะมีลำโพงไม้จามจุรี ที่ใช้ช่างทางภาคเหนือทำขึ้นมา เสียเพราะดี ดีไซน์ก็สวยเก๋ ของห้องนี้ จะเป็นเพลง Style Latino Tempo


 ในตู้เสื้อผ้า ก็จะมีตู้เซฟ สำหรับใส่ของมีค่า เผื่อออกไปข้างนอกและไม่อยากเอาของมีค่าไปด้วย มีเสื้อคลุมอาบน้ำ 2 ตัว ร่ม 1 คัน รองเท้า 2 คู่ ผ้าเช็ดตัวตอนไปว่ายน้ำ  ถุงใส่ของอเนกประสงค์ เห็นหลาย ๆ คนชอบใส่ของแล้วเดินลงไปเล่นน้ำ เดินไปทะเล ช๊อปชอบ



และอีกสิ่งหนึ่งที่สำหรับสาว ๆ ที่ขาดไม่ได้ ไดร์เป่าผม ยิ่งผมยาวเวลาเล่นน้ำแล้วผมเปียก ถ้าไม่มีไดร์นี่ กว่าจะแห้งรอตายเลย แต่นี้มีไดร์ด้วย ขอบอกว่า ลมแรงดีด้วย



มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง เปิดประตูเข้ามา จะเจอกระจกส่องหน้า และ เจอชักโครกอยู่ใกล้ ๆ กัน พร้อมยังคงมีกรอบรูปลายสีแดง เป็นตีมของห้อง ที่ยังคงไม่ฉีกแนวออกจากกัน



ตรงกระจกส่องหน้าในห้องน้ำ มีไฟที่สว่างใช้ได้เลยค่ะ สามารถใช้แต่งหน้าตรงนี้ได้ เพราะในห้องนอน ไฟจะไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่



ในห้องน้ำก็มีผ้าขนหนูสำหรับเช็ดมือ ให้ 2 ผืน มีหมวกคลุมอาบน้ำ คัตเติ้ลบัต สำลี ให้ด้วย



ยังมีเจลล้างมือ (Hand Wash) และ Body Lotion ให้อีกด้วย ซึ่งตรงนี้บางโรงแรมเขาก็ไม่มีน่ะ


 ในส่วนของ Shower Gel , Shampoo , Conditioner มากันแบบจัดเต็ม ไม่ได้มาเป็นขวดเล็ก  ๆ ใช้กันได้อย่างจุใจเลย

 น้ำมีทั้งแบบร้อนและ เย็น ส่วนฝักบัวก็มีแบบธรรมดา กับ แบบน้ำฝน (Rain Shower)


จริง ๆ ชอบปลาฉลามน่ะ แต่แบบว่า มันรับน้ำหนักไม่ไหวอ่า มันเหมือนจะจม เลยต้องกลับมาเล่นกุ้งมังกรเหมือนเดิม


ตรงสระว่ายน้ำเขามีจุดให้นั่งพัก นั่งเล่น เยอะอยู่นะคะ ฝรั่งเขาอาจชอบแดดกัน แต่อั้มขอมานอนหลบมุมนี้แล้วกัน เพราะดูร่มรื่นสุด ๆ


เล่นน้ำจนอิ่มหนำสำราญ ก็เปลี่ยนชุด ไปเดินเล่น ชายทะเล กันบ้าง ทางออกจากโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสระว่ายน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้ห้องอั้มมาก ๆ


เดินมาประมาณ 200-300 เมตรก็ถึงชายหาดแล้วค่ะ



ตรงชายหาดก็มีบริการขี่ม้า


บานาน่าโบ้ท




จากชายหาดของโรงแรม มองย้อนขึ้นมา เจอโรงแรมอะไรก็ไม่รู้ สีเหลือง ๆ ตัดกับฟ้าสวยแจ่มมาก ๆ



ตั้งกันใกล้ ๆ กับสระว่ายน้ำเลยค่ะ



มีนักดนตรีมาร้องเพลงให้ฟังกันด้วย




มี Salad Bar ด้วยค่ะ คนชอบสลัดน่าจะชอบ เพราะทานกันได้ไม่อั้น


เครื่องเคียง สำหรับราดคลุกผสมไปกับสลัด


มีพวกยำต่าง ๆ หลากหลายเมนูให้เลือกรับประทาน



มีขนมปังหลากหลายอีกเช่นกัน


มีมีดและเขียงให้หั่นขนมปังด้วย เพราะอันใหญ่มาก เอาไปคงทานไม่ไหมอันแน่นอน


มีข้าวต้ม ข้าวผัด ให้รับประทานกันอีก เยอะแยะไปหมด


บาบีคิว พนักงานจะเอาเมนูมาให้เลือกนะคะ ก็เลือกได้ตามจำนวนที่พนักงานแจ้ง ซึ่งพนักงานจะจดแล้วให้ทางพ่อครัวมาเป็นคนเลือกตามเมนูที่เราสั่งแล้วไปปิ้งย่างมาเสิร์ฟให้เราที่โต๊ะ



มีกั้งด้วย ตัวขนาดกำลังพอดี กำลังน่ารับประทาน


พ่อครัวจะเอาไปย่างให้เราด้านหลังนะคะ เดินผ่านไปผ่านมาก็เห็นพ่อครัวกำลังย่างให้อยู่ เลยเดินแวะไปเก็บภาพสักหน่อย


เสร็จแล้วก็จะมาเสิร์ฟให้เราที่โต๊ะ


พร้อมน้ำจิ้มหลากหลายสูตร  ในส่วนของน้ำจิ้มซีฟู้ด จะรสชาติไม่เผ็ดมาก เหมาะสำหรับคนไม่ค่อยทานเผ็ด





ที่เห็นนี่ทานกัน 2 คนน่ะ ทั้งบาบีคิว ทั้งบุฟเฟ่ห์ต่าง ๆ อิ่มจนแน่นเลย

Blue Hawaii 290 บาท

Red Coral 250 บาท

ในส่วนของน้ำต่าง ๆ ต้องจ่ายเพิ่มนะคะ เพราะนอกเหนือในแพคเกจ บาบีคิว บุฟเฟ่ห์ค่ะ ตอนที่ไปทานอยู่ช่วงโปรโมชั่น 1 แถม 1 อีก คุ้มดี


เมื่อทานของคาวเสร็จ ก็ได้รับของหวานตบท้ายฟรีกันไปอีก 1 จาน เป็นเมนูที่นำมาจากร้าน After You


เมนูนี้ชื่อ พัฟโลวา ( Pavlova ) ตัวนี้รสชาติหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ ตัวเสาวรสจะออกรสเปรี้ยว มีทั้งตกแต่งมาด้านหน้าและน้ำราดเสาวรส ตกแต่งด้วยมะม่วง และ กล้วย ตัวนี้คนชอบทานหวานๆ คงจะชอบมาก ๆ








พระมาแล้ว เตรียมพร้อม


อาหารที่นำมาตักบาตร ทางโรงแรมจัดไว้ให้เลยนะคะ ชุดล่ะ 120 บาท สั่งหลาย ๆ ชุดก็ได้ เพราะพระมีหลายรูปที่เดินมาบิณฑบาตรค่ะ  อั้มว่าสะดวกดีนะคะ ไม่ต้องไปหาซื้อของทางโรงแรมจัดให้เรียบร้อย มีทั้งของคาว ของ แห้ง เราสามารถเลือกได้ด้วยนะคะ ต้องแจ้งพนักงานวันที่เช็คอินเลยว่าจะเอาแบบไหน กี่ชุด เขาได้เตรียมไว้ให้ทัน พนักงานเขาจัดมาให้เป็นเซทในถุงแบบนี้เลยค่ะ เก๋ดีน่ะ เพราะพระที่นี่เขาไม่ได้มีลูกศิษย์วัดเดินตามมาช่วยหิ้วของ หรือ ขนของกลับวัดนะคะ การทำบุญใส่ถุงแบบนี้พระท่านก็สะดวกในการถือกลับวัดค่ะ ขอแนะนำพวกน้ำดื่ม แตงโม ทุเรียน อะไรหนัก ๆ อย่าเอามานะคะ พระท่านจะลำบากในการเดินเอากลับค่ะ ถ้าอยากถวายแนะนำให้ไปที่วัดแทนค่ะ


หลังตักบาตรเสร็จแล้วก็เดินถ่ายรูปเล่นกันริมหาด เห็นพระก็ทยอยเดินมากันเรื่อย ๆ นะคะ ถ้าผู้อ่านมา สามารถเรทเวลาได้ถึง 6.30 น. เลยค่ะ

ตอนสาย ๆ สักหน่อยก็จะมีคนเอาม้ามาเดินริมหาด สำหรับนักท่องเที่ยวอยากขี่ม้าถ่ายรูป ก็ทำได้ตรงหน้าหาดเลยค่ะ



เดินเล่นริมหาดจนแดดเริ่มร้อนแล้ว เราก็มารับประทานอาหารเช้ากัน อาหารเช้า อาหารค่ำ ทานที่เดียวกันนะคะ อาหารเช้าเริ่ม 6.30 - 11.00 น.


อาหารเช้ามีหลากหลายเมนูเลยนะคะ โซนนี้เป็น กาแฟ , ขนมปังต่าง ๆ


รอปิ้งขนมปัง ชอบทานขนมปังปิ้งค่ะ มีทั้งแบบธรรมดา และ โฮลวีท


เยอะแยะไปหมดเลย คัฟเค้กก็มีด้วยนะเอาซิ


แยมหน้าต่าง ๆ มากมาย



มีน้ำผึ้งด้วยนะคะ ใครชอบทานน้ำผึ้งก็จัดเลยค่ะ หอมหวานดี


อั้มชอบทานชาตอนเช้าค่ะ นี่ก็ขอทานชาก่อนเลย แล้วค่อยทานอาหารเมนูต่างๆ


เมนูพวกไข่ดาว ไข่ต่าง ๆ ออมเล็ต ก็แจ้งพนักงานตรงนี้นะคะ มีทำให้กันใหม่ ๆ สด ๆ ร้อน ๆ


ในส่วนของน้ำดื่ม ก็มีให้เลือกเยอะพอสมควร


มื้อเช้าทานเท่านี้ก็พอเนอะ เดี๋ยวอ้วน แล้วไม่สวย